อาหารปั่นผสม สูตรผัก สำหรับผู้ป่วยทั่วไป
อาหารปั่นผสม เป็นอาหารสำหรับให้ผู้ป่วยทางสายยางจะต้องเป็นอาหารที่ครบส่วนมีสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของร่างกายและมีความหนืด ความเหลวที่พอดี ไม่เข้มข้นเกินไป เพื่อที่จะได้เคลื่อนเข้าสู่สายยางโดยไม่ติดขัด สำหรับโดยปกติแล้วอาหารปั่นผสมจะให้พลังงาน1-1.5 แคลอรี่ต่อหนึ่งมิลลิลิตร ซึ่งจะประกอบด้วยสารอาหารหลัก ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันอย่างเหมาะสม ซึ่งอาหารปั่นผสมนั้นจะให้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถกลืนอาหารเองได้ และต้องมีการออกแบบสูตรโดยนักโภชนาการที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม โดยสูตรอาหารปั่นผสมนั้นมีด้วยกันหลายสูตรไม่ว่าจะเป็นสูตรปกติ คือการนำวัตถุดิบต่าง ๆ นำมาทำให้สุกและปั่นเข้าร่วมกันและสูตรน้ำนมถั่วเหลือง สูตรสุดท้ายคือสูตรนม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าผู้ป่วยควรได้รับอาหารปั่นผสมสูตรใด เพื่อให้เหมาะสมกับร่างกายและอาการป่วย นอกจากนี้สูตรอาหารปั่นผสม สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบหรือตามโรคของผู้ป่วย ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานก็ควรได้รับสารอาหารหรืออาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลน้อยที่สุดเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้การรับอาหารปั่นผสมยังเป็นทางเลือก เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีสุขภาพที่แข็งแรง มีการควบคุมน้ำหนักเพื่อไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมา เพราะการที่ผู้ป่วยได้รับอาหารปั่นผสมหรือรับประทานอาหารในรูปแบบที่ผิดปกติ อาจจะทำให้มีความเสี่ยงของการเกิดผลเสียต่อร่างกาย ยกตัวอย่าง เช่น หากผู้ป่วยมีสายยางให้อาหารอยู่ภายในร่างกายนานเกินไปอาจจะทำให้เกิดภาวะอื่น ๆตามมาได้เพราะฉะนั้นอาหารถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่ออาการปวดของผู้ป่วยโดยตรง
สำหรับวันนี้อาหารปั่นผสม SN Food จะมาแนะนำสูตรอาหารปั่นผสม สูตรผัก สำหรับใช้กับผู้ป่วยทั่วไป โดยมีส่วนประกอบคือเนื้อไก่ต้มสุก 90 กรัม ถั่วเหลืองผง 30 กรัม กล้วยน้ำว้านึ่งสุก 100 กรัม ฟักทองนึ่งสุก 100 กรัม ตำลึงต้มสุก 100 กรัม ซูโคลส 60 กรัม น้ำมันถั่วเหลือง 25 กรัม โดยนำมาปั่นผสมกรองเอากากออกปริมาตรน้ำอุ่นต้มสุกให้ได้ 1000 ซีซี ซึ่งส่วนผสมหลักๆในสูตรนี้คือ ผัก ซึ่งผักจะอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมากมายหลากหลายชนิด ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ซึ่งประโยชน์ที่เราเห็นได้ชัดที่สุดที่หลายคนพูดถึงกันก็คือ ผัก สามารถช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเป็นปกติ และยังมีส่วนช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกาย เนื่องจากผักบางชนิดมีวิตามินบี 3 ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี ส่งผลให้ระบบขับถ่ายดีไปด้วย เมื่อระบบขับถ่ายเป็นปกติสุขภาพของผู้ป่วยก็จะดีตามไปด้วย นับว่าการรับประทานผักทำให้ได้ประโยชน์มากมายเลยทีเดียว นอกจากนี้ผักยังช่วยในการฟอกเลือด เพราะการรับประทานผักเป็นประจำจะเป็นการฟอกเลือดไปในตัว ทำให้เลือดเราสะอาดสามารถไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆในร่างกายได้ดี ทำให้เซลล์เสื่อมช้าลงนั่นเอง ทั้งนี้ผักยังมีประโยชน์ช่วยรักษาโรคได้ หากเรารับประทานผักเข้าไปเยอะเยอะก็จะลดการเสี่ยงในการเกิดโรคขาดสารอาหารเพราะหากมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายนั่นเอง
นอกจากนี้ กล้วยน้ำว้าที่เป็นส่วนผสมยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์และให้พลังงานสูง มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคกล้วยน้ำว้าช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ สามารถรักษาโรคกระเพาะได้ เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารแทนนินอยู่มาก จึงสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้ เห็นไหมว่ากล้วยน้ำว้ามีประโยชน์มาก ต่อมาคือ ฟักทอง ถึงแม้ว่าฟักทองเป็นพืชที่ให้พลังงานต่ำมีไขมันน้อย จึงเหมาะแก่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และฟักทอง สามารถช่วยบรรเทาอาการหอบหืดที่เกิดจากหลอดลมอักเสบในผู้สูงอายุได้ การรับประทานฟักทอง ทั้งเปลือกจะสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งสารตัวนี้เป็นสารที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายและยังควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงสายตาและสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าฟักทองจะมีประโยชน์มากแต่ในการรับประทานฟักทองนั้นก็ต้องระมัดระวังเช่นเดียวกัน จะต้องมีการกำหนดปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นได้นั่นเอง และส่วนผสมหลักอันสุดท้ายก็คือตำลึงต้มสุก ซึ่งตำลึงเป็นผักพื้นบ้านและยังให้ประโยชน์ทางโภชนาการต่าง ๆได้ดีมีสรรพคุณรักษาโรคต่าง ๆได้ด้วย เช่น โรคเบาหวานคือภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งจะต้องระมัดระวังในการเลือกรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก และตำลึงอาจจะช่วยให้อาการของเบาหวานดีขึ้นได้ เพราะอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอื่น ๆที่มักพบในผู้ป่วยเบาหวาน อย่างไรก็ตามตำลึงก็ยังเป็นอาหารที่ต้องระมัดระวังในการรับประทานเช่นเดียวกัน จะต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆได้ เพราะฉะนั้นในการรับประทานอาหารเรื่องที่สำคัญที่สุดคือในเรื่องของปริมาณและสัดส่วน จะต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด