เต้าหู้ผัดถั่วงอก เมนูเพื่อสุขภาพ ห่างไกลโรคหัวใจ
ปัจจุบันสุขภาพของคนไทย ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆมากมายอย่างง่ายดาย ดึงจากการใช้ชีวิตประจำวัน อาหารการกินหรือสิ่งบริโภค ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนสามารถก่อให้เกิดโรคเรื้อรังทั้งแบบติดต่อและแบบไม่ติดต่อได้ ทั้งนี้ต้องเกิดขึ้นจากความพอดี ปริมาณที่เหมาะสมและไม่เกินจากที่ร่างกายสามารถรับได้ โดยที่โรคที่เสี่ยงมากที่สุด 3 อันดับที่น่าสนใจคือโรคหัวใจ โรคหัวใจนั้นสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย เกิดได้ทั้งจากพฤติกรรม และจากสภาพตอนดำเนิดมา หรือเกิดจากการผิดปกติที่หาที่มาหรือสาเหตุไม่ได้ กล่าวคือ โรคหัวใจนั้นคือโรคที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ทั้งนี้สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจนั้นโดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ มักเกิดจากปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคนทั่วไปที่สามารถควบคุมหรือป้องกันได้ เช่น การสูบหรือสูดดมควันบุหรี่ การรับประทานอาหารบางประเภท เช่น อาหารไขมันสูง อาหารหวาน และอาหารเค็มที่ควรหลีกเลี่ยง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการควบคุมน้ำหนักที่ไม่ได้ก็ยังเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคได้เช่นกัน สุขภาพหัวใจที่ดีมีได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เป็นสาเหตุให้เกิด โรคหัวใจ หรือ หลอดเลือด เช่น ใครที่ไม่เคยออกกำลังกายก็ควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละสามวัน เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง มีการสูบฉีดเลือดที่ดี และเลือกทานอาหารที่ดีต่อหัวใจอย่างน้อยวันละหนึ่งมื้อ ก็จะช่วยให้หัวใจมีสุขภาพดียิ่งขึ้น การทานอาหารที่ดีต่อหัวใจ แนะนำให้ทานเป็นอาหารมื้อเช้าเพื่อที่ร่างกายจะได้รับสารอาหารได้อย่างเต็มที่ และเลือกวัตถุดิบที่มี คุณสมบัติช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี อย่างเช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน บรอกโคลี ผักคะน้า ถั่วแดง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กล้วย แอปเปิ้ล ทับทิม อะโวคาโด ยังมีสมุนไพรอย่าง พริก กระเทียม ขิง ใบแปะก๊วย และเตยหอม
วันนี้เราจะมานำเสนอเมนูเพื่อสุขภาพที่ดีต่อผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ และดีต่อคนที่สุขภาพดีช่วยให้หัวใจแข็งแรงอีกด้วย วันนี้ทาง SN Food อาหารเพื่อสุขภาพ เราจะมาแนะนำเมนูที่ง่ายแสนง่าย สามารถทำรับประทานเองได้ และได้ประโยชน์ที่ครบถ้วนเลยที่เดียวคือ เต้าหู้ผัดถั่วงอก ซึ่งเป็นเมนูบ้านๆ หาวัตถุดิบได้ง่าย เมนูเพื่อสุขภาพ เต้าหู้ผัดถั่วงอก เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่สามารถหาทานได้ง่าย และสามารถทำได้เอง
โดยมีวัตถุดิบดังนี้
- ถั่วงอก 200 กรัม
- เต้าหู้ 2 หลอด
- หมูสับ 1 ถ้วย
- กระเทียม 10 กลีบ
- พริกขี้หนูแดงเม็ดใหญ่ 2 เม็ด
- ต้นหอม 1 ต้น
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 3/4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
- น้ำสะอาด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
มีขั้นตอนดังนี้ นำถั่วงอกมาตัดรากและเอาไปล้างน้ำ แล้วสรงขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำต้นหอมมาตัดเป็นท่อนสั้น ๆ ประมาณ 1 นิ้ว พริกขี้หนูทุบให้พอแตก และกระเทียมสับแบบหยาบ ๆ ไว้ ต่อไปตั้งกระทะเปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อนก็ใส่กระเทียมลงไปผัดให้มีกลิ่นหอมและมีสีเหลือง เมื่อกระเทียมเริ่มมีสีเหลืองก็ใส่หมูสับลงไปผัด พอหมูเริ่มสุกก็ใส่เต้าหู้ตามลงไป พอเต้าหู้เริ่มมีสีเหลืองสวย ก็ใส่ถั่วงอก พริกขี้หนู ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทรายลงไปผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำสะอาดลงไปเล็กน้อย ผัดถั่วงอกให้สุกตามที่ต้องการ จากนั้นใส่ขึ้นฉ่ายลงไป ผัดให้เข้ากันแล้วปิดเตาจากนั้นก็สามารถพร้อมรับประทานกับข้าวสุกสวยได้
หากเราฟังดูชื่อเมนูอาจจะดูเหมือนเมนูทั่วไป ไม่ได้น่าสนใจอะไรมากนักแต่เต้าหู้ มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันเลว เพิ่มไขมันดี ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะผู้มีปัญหาคอเลสเตอรอลสูง ถั่วงอก ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและการเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันได้ ถั่วงอก ถั่วงอกเป็นผักที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งถือว่ามีประโยชน์อย่างมากสำหรับร่างกาย มีส่วนช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ผิวนุ่ม เปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล และถั่วงอกมีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกายและยังช่วยป้องกันหวัดได้อีกด้วย และยังบำรุงประสาทและสมอง รวมทั้งช่วยในการทำงานของสมอง และยังช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เนื่องจากถั่วงอกเป็นที่ผักที่มีแคลเซียมสูง อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารที่เหมาะสมต่อร่างกาย มีประโยชน์รับประทานแต่พอดี ไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อกกำลังกายบ้างสัปดาห์อย่างน้อย 3 ครั้ง ไม่เครียดทำจิตใจให้แจ่มใสเพียงเท่านี้เราก็จะห่างไกลจากโรคหัวใจและมีหัวใจที่แข็งแรงได้ทุกคน
ทาง SN Food อาหารเพื่อสุขภาพ เราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อให้เราได้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีสุขภาพที่แข็งแรง เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม นอกจากการรับประทานอาหารแล้ว ในเรื่องของการออกกำลังกายก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรที่จะทำอย่างน้อย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้ร่างกายได้มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตประจำได้อย่างเต็มที่