ประโยชน์สุดพิเศษ พริกชี้ฟ้า เผ็ดร้อนไล่โรคร้าย
ต้องขอบอกเลยว่าพริกเกือบจะเป็นส่วนหนึ่งในอาหารคาวทั้งหมดในอาหารไทย ด้วยรสชาติความเผ็ดที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้อาหารที่รับประทานนั้นออกรสชาติมากขึ้น ทำให้พริกเป็นหนึ่งในเครื่องเทศสำคัญอันดับหนึ่งที่ทุกครัวเรือนมักเก็บไว้บ้านเป็นประจำ เพื่อใช้ในการปรุงรสอาหารให้อร่อยมากยิ่งขึ้น แต่บางคนก็อาจจะไม่นิยมรับประทานพริกเท่าไหร่นักเนื่องจากมีรสชาติที่เผ็ดแสบปาก บางคนอาจจะแพ้พริกก็มี แต่ก็ยังมีความเชื่ออีกด้วยว่าการรับประทานพริกนั้น ส่งผลเสียต่อร่างกายมากมาย เนื่องจากการคาดเดาในความเผ็ดแสบน่าจะทำลายสุขภาพได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พริกสามารถช่วยบรรเทาโรคต่างๆได้มากมาย
ซึ่งในวันนี้ทางด้านของ SN Foods บริษัทที่ให้บริการงานสนับสนุนทางด้านอาหารในกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำภายใต้มาตรฐานระดับโลก จะขอนำความรู้ซึ่งเป็นบทวิจัยศึกษาต่างๆจากทั่วโลกมาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันว่าแท้จริงแล้วนั้นพริก มีประโยชน์จริงหรือไม่ หรือแค่มีหน้าที่แค่ทำรสชาติให้อาหารอร่อยขึ้นเท่านั้นเอง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประโยชน์ของพริก ?
จุดเด่นๆของพริกที่ทุกคนทราบกันเป็นอย่างดีก็คือ ความเผ็ด โดยความเผ็ดเหล่านี้เกิดขึ้นจากสารที่ชื่อว่า แคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเชื่อว่ามีประโยชน์มากๆ สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งสารตัวนี้ยังนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรคบางโรคอีกด้วย ยังไม่หมดเท่านั้นเพราะพริกมีวิตามินเอสูงมาก โดยหากว่าท่านรับประทานพริกเพียงแค่ 5 กรัม ท่านก็จะได้รับวิตามินเอ ถึง 44% ของวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับเลยทีเดียว และประโยชน์อื่นๆที่ได้ทำการศึกษาวิจัยยังมีอีกมากมาย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
– บรรเทาอาการปวด
อย่างที่ทราบกันดีว่าพระเอกของพริกก็คือ สารแคปไซซิน ซึ่งสารตัวนี้สามารถช่วยในการยับยั้งสารซับสแตนซ์พี หรือสารกระตุ้นความรู้สึกปวดสู่สมองได้อย่างน้อยลง ทำให้ความรู้สึกปวดลดลง ทำให้มียาแก้ปวดหลายๆยี่ห้องมักจะมีสารแคปไซซิน เป็นหนึ่งในส่วนประกอบ
– ควบคุมน้ำหนัก
สารแคปไซซิน นอกจากจะมีประโยชน์ในเรี่องลดความปวดแล้ว ยังสามารถช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย จากการศึกษาวิจัย พบว่าสารแคปไซซินในพริกชี้ฟ้าชนิดนี้ มีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ซึ่งช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักรวมถึงการควบคุมน้ำหนัก
จากการศึกษาสารแคปไซซิน อาจจะมีส่วนในการช่วยลดเรื่องความอยากอาหาร ทำให้อาการหิวระหว่างวันลดลง แถมยังด้วยให้อิ่มได้เร็วขึ้น โดยงานศึกษาวิจัยนี้ได้ให้อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของสารแคปไซซิน ผลทดลองทำให้ทราบว่าผู้ทำการอาสาสมัครนั้นมีความรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นกว่าปกติ รับประทานอาหารได้น้อยลง แต่ข้อเสียงก็คือจะได้รับพลังงานน้อยลงไปด้วย
– รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
คนส่วนมากจะมีความเชื่อว่าการรับประทานพริก ที่มีรสชาติเผ็ดแสบร้อนจะทำให้กระเพาะมีความเสียหาย เกิดการระคายเคือง รวมถึงเป็นต้นเหตุสำหรับแผลในกระเพาะอาหาร คนส่วนใหญ่จึงไม่กล้าที่จะรับประทานเผ็ดมากจนเกินไป ซึ่งก็คือการลดปริมาณพริกนั่นเอง แต่จากความเป็นจริงที่ได้มีการทำศึกษาวิจัยนั้น พบว่า สารแคปไซซินมีความสามารถในการต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นตัวร้ายในการก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ โดยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะทำให้ที่ในการกระตุ้นให้เกาะเพาะมีการหลั่งกรดมากขึ้นอย่างผิดปกติ และรวมถึงลดการไหลเวียนของเลือดในลำไส้ จึงทำให้เกิดการเสียสมดุลในลำไส้ส่งผลให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารอีกต่างหาก
ซึ่งสารแคปไซซินนั้นจะทำให้เกิดการยับยั้งการหลั่งของกรดในกระเพาะรวมถึงช่วยในเรื่องการไหลเวียนของเลือดให้ลำไส้กลับมาเกิดความสมดุล จึงมีส่วนในเรื่องของการช่วยให้แผลในกระเพาะอาหารหายตัวได้เร็วขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารที่มีความเผ็ดร้อนมากๆ ก็จะทำให้ปวดแสบร้อนในกระเพาะได้เช่นกัน
นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีกลุ่มงานวิจัยจำนวนหนึ่งที่ศึกษาว่า สารแคปไซซิน ยังสามารถช่วยให้หายหวัด ลดความดันเลือด และรวมถึงการต้านมะเร็งได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามงานศึกษาเหล่านี้ยังเป็นเพียงงานในวงแคบ หากมีความคืบหน้าทั้งโลกคงได้ทราบพร้อมกันอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง