เหลือเชื่อ ชะลอตาเสื่อมได้ด้วยสารอาหาร

ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญ ที่สุดเลยก็ว่าได้    นอกจากจะใช้มองสิ่งต่าง ๆ รอบกายแล้วยังต้องใช้ทำงานอีกด้วย

สาเหตุที่ทำให้ตาเสื่อมมีหลายสาเหตุได้แก่  การนั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ รวมถึงชอบดูโทรทัศน์ใกล้ ๆ หรือชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ โอกาสที่สุขภาพดวงตาของเราแย่ลงได้  และนอกจากนี้สิ่ง ที่กระตุ้นให้ตาเสื่อมเร็วขึ้น คือเรื่องของอายุ และรวมถึงโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ดีซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ตาบอด   นอกจากนั้นการกินอาหารที่มีสารแอนติออกซิแดนต์(สารต้านอนุมูลอิสระ)ต่ำ  จะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม

 

ประเทศไทยเรามีอากาศร้อนดวงตาเป็นอวัยวะที่ต้องปะทะกับแสงแดดทุกวัน รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดเป็นแหล่งอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตาของเรา     เป็นสาเหตุของต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม   แต่เราสามารถป้องกันได้โดยใช้แว่นตากันรังสี UV หรือสวมหมวกป้องกันแสงแดดไม่ให้ทำลายดวงตา   เลิกบุหรี่หรือเลี่ยงการอยู้ใกล้บริเวณผู้สูบบุหรี่

 

โรคต้อกระจก    โรคต้อกระจกเกิดจากโปรตีนในเลนส์ตาสลายตัว หรือเส้นใหญ่ของเลนส์ตาเกิดความเสื่อม  ทำให้เลนส์ขุ่นมัวขึ้น แสงผ่านได้น้อย ถ้าทิ้งไว้ไม่รักษาอาจทำให้ตาบอดได้

 

โรคจอประสาทตาส่วนกลางเสื่อม เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุตาบอด    ตัวจอประสาทตาส่วนกลางอยู่ในใจกลางของเรตินา (retina) ซึ่งเป็นจอรับภาพ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของตาที่ทำให้คนเราสามารถแยะแยะความละเอียดของสิ่งที่มองเห็นได้  เรตินายังเป็นส่วนที่สัมผัสกับออกซิเจนในร่างกายมากที่สุด  นอกจากนี้เรตินายังมีไขมันปริมาณสูง  ทำให้ง่ายต่อการเกิดอนุมูลอิสระ  จึงทำให้จอประสาทส่วนกลางเสื่อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จุดรวมภาพ  ในที่สุดจะทำให้ตามัว ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจทำให้ตาบอดได้

 

อาหารสามารถที่จะช่วยทำให้ชะลอตาเสื่อมได้  (จากหนังสืออาหารบำบัดโรค อาจารย์ศัลยา  คงสมบูรณ์เวช)ได้กล่าวว่า  อาหารประเภทผักและผลไม้มีสารอาหาร  ที่ช่วยรักษาสุขภาพของดวงตา และลดอนุมูลอิสระที่จะทำลายเลนส์ตา  คือ  สารแอนติออกซิแดนต์

 

สาร แอนติออกซิแดนต์  ได้แก่    วิตามินอี  และวิตามินซี  ช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา   วิตามินอีช่วยป้องกันปฏิกิริยาสลายตัว ของกรดไขมันที่อยู่รอบๆเลนส์ตา  คนที่มีระดับวิตามินอีในเลือดสูง  อาจลดความเสี่ยงการเกิดต้อกระจกถึง 50 เปอร์เซ็นต์ วิตามินซีจะช่วยลดความเสี่ยงต้อกระจก  และเมื่อกินร่วมกับสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพตา   จะช่วยชะลอความเสื่อมที่จะเกิดกับตาได้

 

อาหารที่มีวิตามินซีสูงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดต้อกระจกได้ ส่วนของเรตินาในดวงตามีความเข้มข้นของวิตามินซีสูง วิตามินซีจะช่วยขจัดโปรตีนส่วนที่ทำลายจากเลนส์ของดวงตา  ป้องกันไม่ให้เกิดต้อกระจกผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีระดับวิตามินซีในเลือดต่ำกว่าปกติ  นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยในการทำงานของวิตามินอีและแคโรทีนอยด์ด้วย

 

นายแพทย์อัลลัน เทย์เลอร์(Allen Tayior) ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องต้อกระจก  แนะนำให้กินวิตามินซีวันละ  300 มิลลิกรัมขึ้นไป  เพื่อให้ผลป้องกันตามากที่สุด  และวิตามินซีในปริมาณนี้สามารถหาได้ไม่ยากจากอาหารที่กินในชีวิตประจำวัน

 

แคโรทีนอยด์ (carotenoid)  ประกอบไปด้วย เบต้าและแคโรทีน ลูทีน  ซีแซนทีน   และไลโคปีน ทั้งหมดนี้จะช่วยป้องกันเลนส์ตาไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระเช่นกัน

เบต้าแคโรทีน   เป็นสารอาหารที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นวิตามิน เอซึ่งช่วยการมองเห็นในที่มืด    เบต้าแคโรทีน  ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพตา  ช่วยบำรุงรักษาดวงตา  และป้องกันโรคตาหลายชนิด  เช่น  โรคต้อกระจก  โรคตาบอดกลางคืน  และยังช่วยให้ผิวเยื่อเมือกในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย

 

ลูทีนและซีแซนทีน  เป็นสารแคโรทีนอยด์ที่มีสีเหลือง  พบมากในไข่แดง พืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม  เช่น ผักบุ้ง ผักกาดเขียว คะน้า  ผักปวยเล้ง  ผักโขม  ลูทีนและซีแซนทีนเป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา  ทำหน้าที่ที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดด  และกรองแสงสีน้ำเงินที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายดวงตา  ช่วยปกป้องเซลล์ ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระที่จะทำลายดวงตา

 

ร่างกายจำเป็นที่จะต้องได้รับสารลูทีนจากอาหาร  แต่สาร ซีแซนทิน นอกจากจะได้จากอาหารส่วนหนึ่งแล้วร่างกายสามารถเปลี่ยนสารลูทีนในตาเป็นสารซีแซนทีนได้

 

นักวิจัยพบว่า  ผู้ที่เป็นโรคต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม จะมีสารลูทีนและซีแซนทินใน    เรตินาต่ำ   และคนเหล่านี้มักจะกินผักใบเขียวกันน้อย ส่วนผู้ที่กินผักใบเขียวมากความเสื่อมของโรคจอประสาทตาเสื่อมจะลดลงได้ถึง 43 เปอร์เซ็นต์  นักวิจัยพบว่าการได้รับลูทีนประมาณ 6มิลลิกรัมต่อวัน  จะช่วยลดความเสี่ยงในจอประสาทตาเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50   ดังนั้นผู้ที่บริโภคผักผลไม้หลากสีมากเป็นประจำ  จึงสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้

 

มีรายงานวิจัยว่า  การเสริมวิตามินซีและวิตามินอีไม่ให้ผลป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม แต่กลับพบว่าผู้ที่กินอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงกับลดการเกิดโรคนี้ได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์  และข้อมูลการวิจัยในทางคลินิกวิทยาพบว่า  การเสริมในรูปวิตามินรวมสามารถลดการเกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุวัย 65-74 ปีได้สูงถึง 36 เปอร์เซ็นต์

 

นอกจากนี้การวิจัยยังพบว่า  สารต้านอนุมูลอิสระประเภทวิตามินซี  วิตามินอี  และแคโรทีนอยด์ในอาหารธรรมชาติให้ผลที่ดีกว่าการใช้วิตามินทั้งสามเสริมในรูปเม็ดยา   และผู้เชี่ยวชาญโรคตาต่างเห็นด้วยกับประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระต่อดวงตา      ดังนั้น    SN  Food   อาหารเพื่อสุขภาพ   จึงแนะนำให้ทุกท่านบริโภคผักและผลไม้ให้มากขึ้น  เพื่อจะได้สะสมสารต้านอนุมูลอิสระเสียแต่เนิ่น ๆ จะป้องกันอันตรายจากโรคตาเสื่อมตามวัยได้

อาหารสายยาง, อาหารสุขภาพ, อาหารผู้ป่วย, อาหารเหลว