กินอย่างไรให้น้ำหนักลด
ใครๆ ก็ไม่อยากพุงโตเอวเป็นชั้นเหมือนพกห่วงยางไปด้วยทุกที่ใช่ไหมคะ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอาหารอร่อยๆ มันช่างยั่วยวนใจเสียนี่
ไหนจะขนมนมเนย ไหนจะชานมอร่อยๆ โอ๊ย อะไรจะมากมายขนาดนี้ แล้วจะทำใจไม่หยิบเข้าปากได้อย่างไร พอรับประทานเยอะพุงก็มา ห่วงยางก็ถามหา ไหนจะคอเลสเตอรอลก็เพิ่ม เมื่ออยากลดน้ำหนักเลยหันไปหาผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักตามท้องตลาด แต่ไม่ได้ค่ะ เราต้องไม่พึ่งพายาพวกนั้น รู้ไหมคะ ว่าเพราะอะไร เพราะมันนำพาโยโย่เอฟเฟกต์มาหา แล้วมันจะอยู่กับเราไปจนมีลูกมีหลาน แค่เปลี่ยนอาหารการกินชีวิตก็เปลี่ยน วันนี้จะพาไปรู้จักเทคนิคเคล็ดลับในการเลือกหาอาหารลดน้ำหนักเข้าปากเรากันค่ะ
ถ้าอยากลดน้ำหนักให้ได้ผล ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่แค่ออกกำลังกายอย่างเดียวอาจไม่พอต้องมีการรับประทานเข้ามาช่วย อาหารลดน้ำหนัก ที่ดีต้องเป็นอาหารที่ครบห้าหมู่ ไม่ใส่ผงชูรส ลดเค็ม ไม่ใส่ผงปรุงรสต่างๆ ที่สำคัญมากคือ ลดน้ำตาลค่ะ มีสถิติจากที่ต่างๆ บันทึกไว้ว่ากว่า 70% ของคนไทยที่อ้วนลงพุงหรือมีห่วงยางรอบเอว เป็นผลมาจากเครื่องดื่มรสหวานต่างๆ ที่คนไทยชื่นชอบ เพราะฉะนั้น เคล็ดลับแรกคือ ต้องลดเครื่องดื่มพวกนี้ให้ได้ เมื่อลดได้ก็เปลี่ยนเป็นงด รู้ไหมคะว่ าในหนึ่งวันหญิงวัยทำงานควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชาต่อวัน ลองคิดดูสิคะว่าหากเรายังติดรับประทานเครื่องดื่มรสหวานกันอยู่ จะทำให้เรามีน้ำตาลสะสมมากขนาดไหน ยกตัวอย่างน้ำชาเขียวพร้อมดื่มตามร้านสะดวกซื้อที่ทุกคนชอบกัน 1 ขวดมีน้ำตาลมากถึง 3-5 ช้อนชา กาแฟเย็นชาเย็นชานมไข่มุกตามร้านข้างทาง บางร้านอาจมีน้ำตาลถึง 11 ช้อนชา ตายแล้วนี่ยังไม่รวมถึงน้ำตาลแฝงที่มากับอาหารที่เรารับประทาน ขนมต่างๆ ผลไม้ ไหนจะไขมันอิ่มตัวจากบรรดานมข้นหวานและนมข้นจืดที่คนไทยติดหนึบ เพราะเพิ่มความมันให้กับเครื่องดื่มอีก นี่แหละค่ะที่เรียกว่า การเสพติดความหวาน โอย ไม่ไหวค่ะ ลดเถอะค่ะ เริ่มต้นจากลดปริมาณน้ำตาลที่เคยบริโภคเพื่อปรับสภาพลิ้นให้รับรสชาติอาหารที่ไม่หวานให้อร่อยขึ้น พยายามตัดอาหารที่หวานออกแต่ละสัปดาห์แบบขั้นบันได เช่น สัปดาห์นี้เลิกรับประทานของหวานหลังมื้อเย็น สัปดาห์ถัดไปเลิกรับประทานของหวาน 2 มื้อ หรือ 3 มื้อตามลำดับ และหากใส่น้ำตาลในชาหรือกาแฟก็ให้ลดจำนวนลง ถ้าทำได้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ความอยากหวานของการรับรู้รสทางลิ้นจะค่อยๆ ลดลงไป
อีกหนึ่งเคล็ดไม่ลับสำหรับการลดน้ำหนัก คือ อาหารหลักแต่ละมื้อ อาหารลดน้ำหนักที่ดีควรปรุงเอง เพราะเราจะควบคุมปริมาณเกลือ ไขมัน และผงชูรสได้ หากใครบอกว่าทำอาหารไม่เป็น ไม่เป็นไรค่ะการทำอาหารไม่ได้ยากเกินไป ตอนนี้ในยูทูบมีสอนทำอาหารตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนขั้นตอนสุดท้าย มีคนดังในทีวีหลายคนที่เริ่มจากทำอาหารไม่เป็นเลยจนตอนนี้ถึงกับมีเมนูอาหารพิมพ์ออกมาจำหน่าย เริ่มจากอาหารง่ายๆ ปรุงไม่ยากเช่นพวกต้ม นึ่ง ผัดง่ายๆ อ้อ! อย่าลืมว่าควรใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก เป็นต้น เนื้อสัตว์ก็ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย ไขมันน้อยๆ มีผักมาเสริมทุกมื้อเพื่อช่วยเรื่องกากใยอาหาร อาหารลดน้ำหนักควรเป็นอาหารที่รสไม่จัดจนเกินไป ไม่เค็ม เพื่อลดการบวมน้ำหากมีเกลือในร่างกายมากเกินไป อาหารหลักปกติเราจะรับประทาน 3 มื้อ ให้ลองแบ่งออกมาเป็น 5 มื้อเล็กๆ จะยิ่งกระตุ้นการเผาผลาญอีกแร ง และลดการหิวโหยขนมจุบจิบระหว่างมื้อลงด้วย การกินจุบจิบจะนำพาให้เราไปรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย บางครั้งยังเหมือนการเติมแป้งที่ไม่มีประโยชน์ เติมเกลือ เติมน้ำตาลให้กับร่างกายโดยไม่จำเป็น ลดปริมาณข้าวและปริมาณอาหารลงบ้างนะคะ หากเราเป็นพวกที่ไม่ได้มีกิจกรรมที่ใช้แรงมาก เติมธัญพืชลงไปเสริมแทนการบริโภคแป้งสิคะ นอกจากจะทำให้ลดการดูดซึมเข้ากระแสเลือดแล้ว ยังช่วยลดการอยากน้ำตาลลงไปอีก
รู้หรือไม่ว่า อาหารอีกอย่างที่ทำลายสุขภาพ และทำให้เราอ้วนขึ้นโดยไม่รู้ตัว คือ อาหารสำเร็จรูปที่ปรุงสุกพร้อมรับประทาน รวมถึงอาหารกระป๋อง อาหารพวกนี้เป็นสิ่งต้องห้ามเลยสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก รวมไปถึงพวกไส้กรอก แฮม เบคอนต่างๆ อาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยแป้ง ไขมัน เกลือ สารกันบูด ผงปรุงแต่งรสมากมาย อาจอร่อยปาก แต่พาความอ้วนเข้าหา ลาขาดเลยค่ะ
เคล็ดลับทั้งหลายนี้อาจฟังดูธรรมดาแต่หากเราเริ่มเปลี่ยนแปลงเชื่อเถอะค่ะว่าคุณจะรู้สึกได้จริงๆ แค่การลดน้ำตาลก็สะเทือนชั้นไขมันแล้ว นับประสาอะไรกับการดูแลอาหารทุกอย่างควบคู่กับการออกกำลังกาย เพียงวันละ 30 – 40 นาทีออกกำลังอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน รับประทาน อาหารลดน้ำหนัก ที่ทำเองตามที่เราแนะนำ แค่นี้ความฝันในการขจัดพุงสามชั้นก็ไม่ไกลเกินเอื้อม เราจะเป็นกำลังใจให้นะคะ