ใยอาหาร กับการรักษามะเร็ง

ใยอาหาร (ไฟเบอร์) ไยอาหารมีมากใน ผัก ผลไม้ ธัญพืช โดยเราจะสังเกตได้ว่า อาหารที่มีใยอาหารมากก็คือ  อาหารที่เวลาเราเคี้ยวจนละเอียดจะเหลือกากอาหารที่มีลักษณะเป็นเส้น ๆ เหลืออยู่ ความจริงแล้วใยอาหารไม่จัดเป็นอาหาร  เนื่องจากไม่ได้ให้สารอาหารใด ๆ กับร่างกายและไม่ได้ให้พลังงานกับร่างกายแม้แต่น้อยหากดูผ่าน ๆ อาจดูเหมือนใยอาหารเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ แต่ใยอาหารกลับมีความสําคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก

 

คนไทยในปัจจุบันนี้ในแต่ละวันจะกินใยอาหารน้อยมากทำให้คนไทยในปัจจุบันนี้ เจ็บป่วยกันง่ายขึ้นและเป็นมะเร็งลำไส้กันมากขึ้น และตายเพราะมะเร็งมากขึ้นด้วย  อาหารที่มีใยอาหารมากจะมีคุณสมบัติคล้ายเป็นยาระบาย ที่จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายของร่างกายเป็นปกติ เพราะใยอาหารจะกลายเป็นกากอาหารที่มีความอ่อนนุ่มและเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็วเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารและขับถ่ายออกทางทวารอย่างง่ายดาย  ทำให้ท้องไม่ผูก ถ่ายคล่อง ช่วยป้องกันการเป็นริดสีดวงทวาร ลำไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบเป็นต้น

 

เส้นใยเหล่านี้ก็จะไปทำหน้าที่ดูดกลืนและชำระล้างสารพิษและสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบทางเดินอาหาร และสารพิษเหล่านี้จะถูกขับถ่ายออกมาพร้อมอุจจาระอย่างรวดเร็วและหมดจดเส้นใยในอาหารจึงทำหน้าที่เสมือนไม้กวาดที่คอยทำความสะอาดให้กับทางเดินอาหารของเรานั่นเอง

 

การป้องกันโรคมะเร็งสามารถป้องกันได้ประมาณร้อยละ30 ถึง 40   โดยยึดหลัก 5  อ.  คือ  (1) อาหาร       (2) อากาศ  (3) อารมณ์  (4) การออกกำลังกาย  (5) อุจจาระ

 

องค์การอนามัยโลกจึงแนะนำให้เรากินใยอาหารอย่างน้อยวันละ 25 ถึง 30 กรัม  (ในทางปฏิบัติการกินผักและผลไม้วันละครึ่งกิโลกรัมก็จะทำให้เราได้ใยอาหารในระดับที่เพียงพอ)

 

ส่วนมะเร็งลำไส้นั้น  มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์  และพฤติกรรมโดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและเขตเมืองใหญ่  ที่มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบและมีพฤติกรรมการกินอาหารแบบตะวันตก  ซึ่งมักจะกินอาหารประเภท  เนื้อสัตว์ ไขมันสูง ใยอาหารน้อย  สูบบุหรี่   ดื่มแอลกอฮอล์  ไม่ออกกำลังกายไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย และมีความเครียด  เป็นต้น

 

ผลงานทางวิจัยได้สรุปว่า หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรารวมถึงโรคมะเร็งนั้นก็คือปริมาณใยอาหารที่กินในแต่ละวันนั้นน้อยเกินไป นั่นเอง ในปัจจุบันนี้ทำให้ เจ็บป่วยกันง่ายขึ้นและเป็นมะเร็งลำไส้กันมากขึ้น และตายเพราะมะเร็งมากขึ้นด้วย

 

 

ดังนั้น เราควรมาหันมาใส่ใจในการกินอาหารโดยการกินอาหารที่มีใยอาหารให้มากขึ้นได้แก่

 

ควรทานข้าวเป็นอาหารหลักได้แก่ ข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ

 

ถั่ว   พยายามเติมถั่วต่าง ๆ ลงในอาหาร เช่น สลัด ต้มจืด  แกงส้ม  และแกงต่าง ๆ

 

ธัญพืช เต็มเมล็ด ซึ่งเป็นธัญพืชที่ไม่ขัดสีหรือขัดสีแต่น้อย (เช่น ข้าวกล้อง )

 

ผัก  ยอดสะเดา ดอกขี้เหล็ก พยายามทานผักที่ทานทั้งต้นและก้านให้มากขึ้น  เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง

 

ผลไม้  (เช่น ส้ม  กล้วย  สับปะรด) ผลไม้ที่ควรทานทั้งเปลือก ได้แก่  แอปเปิ้ล องุ่น ฝรั่ง

 

ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะเส้นใยอาหารจะทำงานได้ดีต้องมีน้ำช่วย ควรทานผลไม้สดแทนน้ำผลไม้คั้นเพราจะได้คุณค่ามากกว่า

 

โดยเราควรจะสลับประเภทผัก ผลไม้ ให้หลากหลาย และไม่ซ้ำซาก เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับสารอาหารประเภทเดิมซ้ำ ๆ (ทำให้ขาดสารอาหารประเภทอื่น)โดยใน 1 สัปดาห์ควรกิน ผัก ผลไม้ให้ครบ 7 สี และช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่ไม่ชินกับการกินผักสด ผลไม้ มาก่อน ควรจะเพิ่มปริมาณอาหารที่มีกากใยทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารเกิดอาการปั่นป่วน

 

นอกจากนี้  หากเรากินใยอาหารมากพอเส้นใยเหล่านี้ก็จะไปทำหน้าที่ดูดกลืนและชำระล้างสารพิษและสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบทางเดินอาหาร และสารพิษเหล่านี้จะถูกขับถ่ายออกมาพร้อมอุจจาระอย่างรวดเร็วและหมดจด  เส้นใยในอาหารจึงทำหน้าที่เสมือนไม้กวาดที่คอยทำความสะอาดให้กับทางเดินอาหารของเรานั่นเอง  ทาง  SN  อาหารเพื่อสุขภาพ หวังว่าทุกท่านควรเริ่มใส่ใจกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีใยอาหารกันเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพของเราเอง และคนที่เรารัก

อาหารสายยาง, อาหารสุขภาพ, อาหารผู้ป่วย, อาหารเหลว