รักษาโรคสมองเสื่อม ด้วยอาหาร
โรคสมองเสื่อม(Dementia)
หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าถ้าพูดกันอย่างภาษาชาวบ้านก็คือโรคหลงเลอะเลือนของคนแก่
และ ถ้าโรคสมองเสื่อมอีกอย่างหนึ่งคืออัลไซเมอร์(Alzheimer’s Disease)แล้ว อาการจะยิ่งหนักกว่านั้นมากมายนัก ในปัจจุบันนี้โรคความจำเสื่อมเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับคนไทยมากขึ้นเพราะคนชราในเมืองไทยขณะนี้มีจำนวนมาก
การป่วยของคนเป็นโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์แม้จะมีอาการเหมือนกันแต่ก็มีลักษณะที่สำคัญไม่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือเรื่องอายุและอาการขั้นสุดท้าย โรคสมองเสื่อมของคนแก่นั้นส่วนมากจะเริ่มเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไปแล้ว และอาการขั้นสุดท้ายของโรคสมองเสื่อมจะไม่ถึงกับไม่รู้อะไรเสียทั้งหมด อย่างน้อยก็ยังพูดได้และมีปฏิกริยาสนองตอบในบางสิ่งบางอย่าง แต่ขั้นสุดท้ายของอัลไซเมอร์นั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ อาการขั้นต้นของอัลไซเมอร์เริ่มต้นเมื่ออายุยังน้อยเพียง 35 ปีก็เป็นกันได้เสียแล้ว และ ที่น่าสลดใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือโรคทั้งสองอย่างนี้เมื่อเป็นแล้วรักษาไม่ได้ แต่แนวทางของชีวจิตป้องกันได้ และอาการบางอย่างของโรคสมองเสื่อมของคนแก่สามารถทำให้ดีขึ้นได้
จากการค้นคว้าทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ของผู้ป่วยทั้งสองโรคนี้เหมือนกันและตรงกันก็คือ ส่วนหนึ่งของสมองเสื่อมหรือถูกทำลายไปโดยเฉพาะส่วนที่เราเรียกว่าGray Matter ของสมอง
โรคสมองเสื่อมอาจเกิดจากสาเหตุเลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง คนไทยชอบกินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี น้ำมันจะเกาะผนังลำไส้ทำให้ดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปเลี้ยงสมองไม่ได้ ให้สังเกตดูจากกะทะรอบๆจะเห็นคราบเหนียวๆของน้ำมันเกาะติดอยู่เราก็ล้างมันออกได้แต่ถ้ากินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำน้ำมันที่เข้าไปโดนอุณหภูมิของร่างกายที่ 37 องศาตลอดเวลาน้ำมันจะเหนียวเป็นกาวยืดติดที่ผนังลำไส้เป็นเวลานานเข้าก็จะหนาตัวขึ้นไปฝางระบบดูดซึมระบบดูดซึมของร่างกายจะเสียไป
เมื่อ ระบบดูดซึมเสีย ลำไส้จะดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปสร้างเม็ดเลือดไม่ได้ กินยาหรือวิตามินก็ไม่ดูดซึม เพราะผ่านชั้นไขมันที่ผนังลำไส้ไปไม่ได้หรือผ่านไปได้น้อย เมื่อระบบดูดซึมไม่ได้พวกสารอาหารและโปรตีนจะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้งไปก็ต้องทำงานหนักและอ่อนล้าเป็นธรรมดาผลที่ตามมาก็คือการเจ็บป่วยและเกิดโรคต่างๆ ทุกคนที่เคยกินอาหารผัดน้ำมันหรือของทอดน้ำมันบ่อย ๆหรือทุกวันควรต้องล้างลำไส้เพื่อระบบดูดซึมทำงานให้ดีขึ้น
การไม่ล้างลำไส้ก็เปรียบเสมือนการกินข้าวแล้วไม่ล้างจานมื้อต่อไปก็ใช้จานใบเก่านั่นแหละไปใส่ข้าวกินใหม่
และอีกประการหนึ่งของสาเหตุสมองเสื่อมคืออะลูมิเนียมเป็นสาเหตุ โดยตรงอย่างหนึ่งของโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์การบริโภคและการปรุงอาหารของคนไทยนั้นเราใช้ภาชนะอลูมิเนียมทั้งสิ้นและใช้กันมาหลายสิบปีแล้วซึ่งบางครั้งมีการขูดอาหารก้นหม้อซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่ง
SN Food อาหารและสุขภาพ มีวิธีการดูแลสมองมาฝาก คือ
- ขับถ่ายระหว่างเวลา 05.00 – 07.00 น
- กินอาหารเช้า
ระหว่าง 07.00- 09.00 นเพื่อให้เลือดรับสารอาหารไปเลี้ยงสมอง และกินโยเกิร์ต-นมสด-น้ำผึ้ง-มะนาวระหว่างเวลา 13.00- 15.00 น. นอกจากจะช่วยล้างไขมันแล้ว
ยังมีไขมันฝ่ายดีและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แล้วยังไปช่วยจัดการขยะในลำไส้เล็กเพื่อเปลี่ยนขยะให้เป็นบี 12 ส่งไปเลี้ยงสมองได้ดีมาก
- ล้างระบบดูดซึมด้วยสูตรมะละกอดิบต้มน้ำชงชา
ด้วยการนำเอามะละกอดิบมาปอกเปลือกแล้วหั่นเนื้อมะละกอใส่หม้อเติมน้ำต้มให้เดือดแล้วตักเนื้อมะละกอออกไปเอาเฉพาะน้ำมาใช้ชงชาเพื่อดื่มแทนชาทั่วไป
ซึ่งจะช่วยให้ ล้างคราบไขมันที่ผนังลำไส้อันเนื่องมาจากกินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำ
- ใช้กระเจี๊ยบแดงแห้งหรือสด ต้มกับพุทราจีนใช้ดื่มน้ำเพื่อล้างหลอดเลือดเป็นประจำ แต่ไม่ควรกินกระเจี๊ยบเดี่ยวๆเป็นเวลานานเพราะจะทำให้ไตจะเสื่อม เลือดจาง
- กินน้ำกระชาย น้ำกระชายมี วิตามินซี, บี 1, บี 3, บี 6 และแคลเซียม แล้วกินน้ำใบบัวบกตาม ซึ่งมีวิตามินเอสูงมาก จะส่งบำรุงสมองได้ดีที่สุด ช่วยป้องกันความจำเสื่อมโดยตรง และผลไม้ ชื่อลูกไข่เน่าเป็นผลไม้ที่บำรุงสมองและไตได้ดีที่สุดในบรรดาผลไม้ทั่วไปซึ่งมีแคลเซี่ยมสูงช่วยบำรุงกระดูกอีกด้วย แล้วก็ยังมี ขึ้นฉ่าย นอกจากบำรุงสมองแล้ว ยังลดคอเลสเตอรอลลดความดันโลหิตสูงอีกด้วยเพราะถ้ามีความดันโลหิตสูงมากโอกาสที่จะทำให้เกิดสมองเสื่อมบางชนิดได้ เม็ดบัวบำรุงไต เพศ สมอง ลูกแปะก๊วย บำรุงสมอง
6 . ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกาย ไม่ใช่แค่ทำให้ สุขภาพและร่างกายแข็งแรงเท่านั้นยังมีประโยชน์ที่เราคิดไม่ถึงนั่นคือส่งผลไปถึงสมองของเราอีกด้วย
เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสมองเสื่อมซึ่งเมื่อเป็นแล้วจะเป็นภาระกับคนในครอบครัวอย่างมากที่ต้องคอยดูแลเราตลอดเวลา
ทาง SN Food อาหารและสุขภาพ ขอแนะนำว่า ก่อนที่จะบริโภคอาหารอะไรเข้าไปบำรุงร่างกายให้นึกถึงว่าลำไส้ของเราได้ล้างบ้างหรือยัง และอีกประการหนึ่งไม่ควรหยุดทำในสิ่งที่ตนเองชอบจงพยายามพึ่งตัวเองให้มากที่สุดอย่างที่เคยทำมา และทำในสิ่งที่ตัวเองรักต่อไปอย่างเป็นปกติ เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้ เกิดสมองเสื่อม