กินอาหารคลีนอย่างไรไม่ให้ตัวเองทุกข์ทรมาน?
ทุกคนอยากจะทานอาหารที่อุดมไปด้วยประโยชน์ เพื่อสุขภาพร่างกายเราที่แข็งแรงทั้งกายและใจ แต่หลายๆคนก็พบว่าการกิน อาหารคลีน มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ด้วยชีวิตที่เร่งรีบ เวลาที่มีจำกัด ทำให้เราไม่มีเวลาใส่ใจกับรายละเอียดด้านอาหารการกินมากเท่าที่ควร ทำให้หลายๆคนได้แต่ใฝ่ฝันว่าฉันจะสามารถทำได้ในสักวันหนึ่ง เพราะทุกวันนี้มันยากเหลือเกิน
แต่จริงๆแล้วการกินคลีน มันอาจไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก การกินคลีนเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ ดังนี้ ??
✅?? วิธีกินอาหารคลีนไม่ให้ทรมาน ✅??
- ตั้งเป้าหมายที่ไม่ยากจนเกินไป
คนที่ไม่เคยทานอาหารคลีน (การทานอาหารผ่านการปรุงน้อยที่สุดเพื่อคงคุณค่าสารอาหารให้มากที่สุด) มักจะทำพลาดตั้งแต่แรก โดยการตั้งเป้าหมายที่เป็นไปแทบไม่ได้ให้ตัวเองและคาดหวังว่าตัวเองจะทำได้สำเร็จ ผลลัพธ์ก็คือ ทุกคนเกิดความรู้สึกท้อไปเสียก่อนที่จะสำเร็จน่ะสิ ถ้าการ งดของหวาน มันสุดโต่งจนเกินไป สำหรับคนที่เสพติดของหวานมากๆ ให้ลองเปลี่ยนเป็น ลดปริมาณของหวาน จะดูง่ายกว่าเยอะ เพราะเมื่อร่างกายคนเราเสพติดน้ำตาล เราก็มีแต่จะต้องการมันมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าอยู่ๆเรางดของหวานกะทันหัน มันมีผลกับระดับน้ำตาลในเลือด อาจทำให้เราวูบได้ และสุดท้ายก็กลับมาหาของหวานอยู่ดี ให้ลองลดปริมาณของหวานหรือน้ำตาลในอาหารที่เรากินแต่ละวัน สมมติ ปกติเรากินเค้กวันละ 1 ชิ้น คุ้กกี้ 3 ชิ้น กับชานมเย็น ก็ให้ลดคุ้กกี้เหลือ 1 ชิ้น เค้กแค่ 2-3 คำก็พอ การทานให้ช้าลงจะช่วยให้เราได้ลิ้มรสสัมผัสของรสชาติอาหารได้มากขึ้น สมองของเราจะรู้สึกอิ่มเอมกับของหวานแม้ปริมาณน้อยๆ มากกว่าการทานของหวานทีละมากๆ แต่รีบๆทาน
นอกจากนี้ ของหวาน ยังหมายถึงเครื่องปรุงอาหารที่เรากินในแต่ละวัน เช่น ปกติทานก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำตาล 2 ช้อนพูน ก็ให้ลดเหลือแค่ 1 ช้อนพอ หรือลองเปลี่ยนมาใช่สารให้ความหวานแทนน้ำตาลก็ได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เฮลท์ตี้มากแต่ก็พอช่วยให้เราผ่านในช่วงแรกๆของการลดปริมาณของหวานได้
- ค่อยๆปรับเปลี่ยนเรื่องการกินอาหาร
เป้าหมายแรกของการเริ่มกินคลีนมากขึ้น ไม่ใช่การเปลี่ยนทุกอย่างจากหน้ามือไปหลังมือในทันที แต่คือการค่อยๆปรับเปลี่ยนทีละนิด เพื่อให้ร่างกายค่อยๆปรับตามเราด้วย ไม่ต้องเครียด ถ้าจะอดใจไม่ไหวกับของโปรดทั้งหลาย ทานได้แต่น้อยๆ ไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนเรากดดันร่างกายตัวเองมากไป จนสุดท้าย ร่างกายรับไม่ไหว มันจะทำลายทุกอย่างเสียโดยการทำให้เราเครียด สติแตก และลงท้ายด้วยการกินแหลกเหมือนเดิม ความตั้งใจเป็นสิ่งดี แต่ความตั้งใจผิดๆจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง อย่าตั้งเป้าหมายสูง ไม่ต้องทำทุกอย่างให้เพอเฟค ถ้าวันนี้มีเหตุต้องไปประชุม หรือร่วมทานอาหารกับลูกค้า ก็อย่าเครียดมากว่าเราจะต้องห่ออาหารไปทานเองหรือไม่ จะสั่งอะไร จะกินอะไรดี? ไม่ต้องคิดมาก ให้เลือกทานอาหารที่คลีนที่สุดก็พอ อย่าเรื่องมากจนเกินไปจนทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดไปด้วย
- เลือกอาหารที่คุณภาพดีขึ้น
ถ้าอยากกินเฟรนฟราย ก็เลือกที่เป็นแบบออร์แกนิคที่สุด นำมาหั่นและทอดเองด้วยน้ำมันที่มีคุณภาพสูง มันอาจจะไม่อร่อยเลิศเหมือนเฟรนฟรายอ้วนๆทั่วไป แต่ว่ามันก็ช่วยให้เราหายอยากมากขึ้น การกินคลีนไม่ใช่การกินแต่อะไรที่น่าเบื่อหน่าย แต่คือการผสมผสานและเลือกสรรสินค้าคุณภาพดีให้ตัวเราเอง เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมี สารพิษ GMO ที่จะเข้ามาสะสมในร่างกายของเรา การเริ่มต้นกินคลีนคือการมีสติอยู่เสมอว่าเรากำลังเอาอะไรเข้าปาก เรากำลังรับเอาสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ หรือสารพิษเข้าสู่ร่างกายเรา
- กินมื้อเล็กมื้อน้อย ดีกว่ามื้อใหญ่ๆ
การแบ่งอาหารมื้อใหญ่ออกเป็นย่อยๆ จะช่วยปรับปรุงระบบการย่อยอาหารและระบบการเผาผลาญของเราให้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้เราไม่หิวมากในระหว่างวัน การกินตามเวลาก่อนที่เราจะหิว จะช่วยลดความอยากอาหารจนเกินไป (หรือบางคนอาจเรียกว่า การเสพติดอาหาร) ซึ่งเมื่อเราปฏิบัติตามนี้ เราจะเห็นว่าเราไม่ค่อยหิวมากเหมือนเมื่อก่อน และไม่รู้สึกอิ่มหรือแน่นท้องจนเกินไป
- เปลี่ยนชนิดของขบเคี้ยว
ไม่จำเป็นต้องงดขนม ของขบเคี้ยว แค่เปลี่ยนชนิดของมันเท่านั้นเอง พวกเฟรนฟราย มันฝรั่งทอด ขนมที่เค็มและมีผงชูรสเยอะ นอกจากจะมีประโยชน์กับร่างกายเราน้อยมากแล้ว ยังทำให้บวมน้ำอีกด้วย เพราะความเค็มจะทำให้ร่างกายอมน้ำไว้มากกว่าปกติ เปลี่ยนเป็นทานสาหร่ายอบกรอบแบบไม่เค็ม ซุปร้อนๆที่ไม่ผ่านการปรุงมาก เนยถั่วทาขนมปังโฮลวีต โยเกิร์ต ผลไม้ที่อร่อยและไม่อ้วนอย่างแอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง ก็จะทำให้เราสามารถกินคลีนได้มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องอดอยากขนมขบเคี้ยวเลย
- ให้รางวัลตัวเองบ้าง ก็ไม่เสียหายอะไร
คุ้กกี้ไม่ใช่ฆาตกร ขนมหวานทั้งหลาย หรือเครื่องดื่มของโปรดอุดมด้วยแคลอรี่ แต่กระนั้น เราก็สามารถให้รางวัลตัวเองได้เล็กๆน้อยๆ เพราะถ้าเราทำให้ตัวเองอดอยากเกินไป เราจะตบะแตกเข้าสักวัน แม้แต่คนที่ต้องกินคลีนสุดๆ อย่างนักเพาะกาย นางแบบนายแบบฟิตเนส ทุกคนก็ยังมี 1 มื้อใน 1 สัปดาห์ที่สามารถทานของโปรดได้ บางคนเรียก Cheat day บางคนเรียก Re-feed day แต่ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร มันก็คือการให้รางวัลตัวเองนั่นแหละ การให้รางวัลตัวเองไม่ได้มีผลแค่ทางจิตใจ แต่ยังมีผลถึงระดับการทำงานของร่างกายด้วย เพราะเมื่อร่างกายเราได้รับอาหารแบบเดิมๆจนเคยชิน มันจะปรับตัวและไม่สร้างการพัฒนาใดๆเพิ่ม ดังนั้นการเติมความหวานให้ร่างกายอาทิตย์ละ 1 มื้อจะช่วยให้ระบบร่างกายไม่เกิดความเคยชินจนเกินไป ซึ่งมีผลกับการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและการเผาผลาญไขมันส่วนเกินอย่างมาก
เห็นไหมว่าการเริ่มกินคลีนไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมานเลย หลายคนเข้าใจผิดว่า การกินคลีนคือ การสร้างสุขภาพ แต่ทำลายความสุขในชีวิต แต่จริงๆแล้ว ถ้าเรากินคลีนอย่างเหมาะสมจริงๆ เราจะได้ทั้งสุขภาพที่ดีขึ้น ความสุขในการกินอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ชีวิตเราจะสมดุลมากขึ้นกว่าการทำอะไรสุดโต่งเกินไปทางใดทางหนึ่ง
รู้อย่างนี้แล้ว ! ก็หันมาใส่ใจการทานอาหารกันให้มากขึ้นกันเถอะ เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย เมื่อผ่านไปซักพักเราจะรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตเรามีมากขึ้น ไม่อ่อนเพลียง่าย รู้สึกสดใส กระปรี้กระเปล่า สุขภาพที่ย่ำแย่ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ และถ้าเราหลงรักการกินคลีนเข้าแล้ว ก็ค่อยเปลี่ยนมากินคลีนแบบเต็มตัวก็ได้ ???