ผักกาดขาว ‘ขบวนการผักผลไม้’
เบื่อที่ต้องกินแต่อาหารแบบเดิมๆ ซ้ำซากทุกวัน เดินเข้าร้านตามสั่งนึกไม่ทันก็จิ้มแต่เมนูเก่าๆ อยากสุขภาพดีเหมือนคนอื่นเขาแต่ก็เบื่ออาหารคลีนสีจืดชืด ฯลฯ … เหล่านี้คือปัญหาที่คนส่วนใหญ่เผชิญในทุกๆ วัน ทำให้ ‘กินดี’ ไม่ได้สักที
ผักกาด จัดเป็นผักประเภทกินใบ ได้แก่ ผักกาดขาว ผักกาดดำ ซึ่งถือว่าเป็นผักพื้นเมืองในไทย ดองได้อร่อยกว่าผักดองเปรี้ยวเค็มชนิดอื่น ผักกาดขาวปลีที่ชาวไร่ปลูกขายในโรงงาน ปรุงสดๆ จะขมเฝื่อน แต่ถ้าดองแล้วรสชาติดี กรอบไม่ยุ่ย เก็บไว้ได้นานไม่เสีย หากปลูกกันมาก จะมีราคาถูก ต่ำสุดอยู่ที่ กก.ละ 30 สตางค์ หากในหน้าแล้งปลูกน้อย ราคาจะแพงถึง กก.ละ 5 บาทเลยทีเดียว กะหล่ำปลีและผักกาดกวางตุ้งอยู่ในตระกูลเดียวกัน ปลูกกันมากที่สุดในประเทศจีน สามารถนำมาทำเป็นแกงผักกาดจอและทำมัสตาร์ดขายไปทั่ว คะน้า ก็เป็นผักกาดอย่างหนึ่ง เชื่อว่ามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกได้แข็งแรง และผักกาดโสภณ หรือผักฮ่องเต้ จะมีราคาแพงหน่อย แต่ก็มีสารอาหารพอๆ กัน
หลายคนรู้ว่าการกินผักนั้นดีต่อร่างกาย องค์การอนามัยโลกชี้ว่า การกินผักผลไม้วันละ 400 กรัมขึ้นไป ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อาทิ ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ขาดเลือด ลดอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งกระเพาะอาหาร ลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอด ลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ ฯลฯ
โดยองค์การอนามัยโลกเองก็กำหนดไว้ด้วยว่าในผักผลไม้ 400 กรัมที่เราควรกิน ต้องประกอบด้วยเมล็ดธัญพืชและถั่วไม่น้อยกว่า 30 กรัม และต้องเป็นผักไม่รวมแป้ง เช่น มันฝรั่ง มันสำปะหลัง นั่นแปลว่าเราจะเลือกกินแต่ผักที่เราชอบอย่างเดียวซ้ำๆ ก็ไม่ได้
การเลือกกินแต่ผักเดิมซ้ำๆ นอกจากจะน่าเบื่อ ยังได้คุณค่าไม่ครบถ้วนเท่าที่ร่างกายต้องการอยู่ดี เพราะที่จริงแล้ว ผักหลากหลายสีนั้นธรรมชาติสร้างให้มีสารอาหารที่แตกต่างกัน ไม่ใช่แค่ความสวยงาม หรือความอร่อย แต่เพื่อมาช่วยกันรวมพลังในการดูแล รักษา และป้องกันร่างกายเราจากโรคร้ายนั่นเอง
ฮีโร่สีเขียว
พลังพิเศษ: คลอโรฟิลล์
ผักผลไม้สีเขียวที่พบบ่อย ได้แก่ คะน้า ผักบุ้ง ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม แตงกวา กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ใบชะพลู บวบ ขึ้นฉ่าย กุยช่าย ชะอม สะตอ
เราอาจจะรู้จักคำว่าคลอโรฟิลล์ในวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเจ้าสารคลอโรฟิลล์ในผักใบเขียวที่เกิดจากการสังเคราะห์แสงของพืชนี่แหละ เชื่อกันว่าเมื่อร่างกายเรารับเข้าไปจะเป็นสารตั้งต้นให้ในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้กับร่างกาย กินแล้วจึงรู้สึกสดชื่น แถมยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลาย นอกจากสารตัวนี้ ในผักใบเขียวยังมีสารประกอบอื่นๆ เช่น ลูทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งอีกด้วย